Posted on

สไตล์การไว้เครา

Tips การปลูกหนวดเครา

การปลูกเครานอกจากจะช่วยเสริมโครงหน้า และปกปิดจุดที่บกพร่องบนใบหน้าแล้ว ยังช่วยเปลี่ยนลุคให้ดูดีขึ้นได้ด้วย การปลูกเคราฟังๆ ดูแล้วเหมือนยุ่งยาก แต่จริงๆ แล้วไม่ยากอย่างที่คิด เรามีทิปดีๆ เกี่ยวกับการปลูกเครามาฝาก

ขั้นตอนที่1
ตัดสินใจว่าทำไมถึงอยากปลูกเครา คุณตั้งใจจะเปลี่ยนลุคเพราะว่าคุณเบื่อการโกนหนวดหรือเพราะว่าคุณชอบการไว้เครา เพราะสิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อการเลือกรูปแบบ (Beard Style) การปลูกเครารวมถึงการดูแลรักษา

ขั้นตอนที่2
มีความตั้งใจที่จะปลูกเคราจริงๆ เพราะมันค่อนข้างจะใช้เวลาและความอดทน รวมถึงต้องพิจารณาความเหมาะสมหรือเข้ากันได้ (Matching) กับสถานที่ทำงาน, การแต่งกาย, ความสะดวก, สภาพอากาศ และความสามารถในการดูแลหนวดเคราให้ดูดีอยู่เสมอ

ขั้นตอนที่3
หยุดโกนหนวดบริเวณที่คุณตั้งใจจะปลูก โดยปล่อยให้หนวดเคราขึ้นประมาณ 4 สัปดาห์ เพื่อให้มีปริมาณที่มากพอก่อนที่คุณจะตัดหรือโกนตามสไตล์ที่ต้องการ

ขั้นตอนที่4
เลือกสไตล์การไว้เคราที่คุณชอบและเหมาะสม ซึ่งมีหลากหลายสไตล์ให้เลือก เช่น ไว้เคราเต็มๆ (Full Beard), ไว้หนวดและเคราแพะ (Moustache & Goatee), ไว้เคราที่ข้างแก้มตามแนวขากรรไกร (Chin Strap) ฯลฯ

ขั้นตอนที่5
การตกแต่งและดูแลรักษา ไม่ว่าคุณเลือกที่จะให้ช่างตัดแต่งหรือแต่งเองที่บ้าน หรือไม่ตัดแต่งเลย คุณก็ต้องให้หนวดเคราดูสะอาดเสมอ โดยล้างทำความสะอาดด้วยแชมพูอ่อนๆ และครีมนวดเช่นเดียวกับการดูแลผม เช็ดให้แห้งแล้วหวีให้ดูดี ถ้าคุณตัดแต่งเองที่บ้าน ก็ควรลงทุนซื้ออุปกรณ์ตัดแต่งที่ดีหน่อย เพราะปลูกหนวดเคราก็เหมือนการทำงานให้ประสบความสำเร็จ คือต้องหมั่นดูแลเป็นประจำทุกวันซึ่งจะทำให้คุณดูดีและรู้สึกดีอยู่เสมอ

Posted on

สไตล์การไว้หนวด

การไว้หนวดไม่ใช่เป็นเพียงการไว้ขนบนใบหน้าเท่านั้น แต่ยังบ่งบอกบุคลิกภาพด้วย จะเลือกสไตล์ไหนก็ขึ้นอยู่กับความชอบและความเหมาะสมของแต่ละบุคคลดังนี้


แบบ Chevron

การไว้หนวดแบบหนา นิยมไว้ยาวจนคลุมริมฝีปากบน

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

แบบ Dali

การไว้หนวดแบบเรียว ปลายชี้หรือโค้งชันขึ้น ชื่อนี้มาจาก Salvador Dali

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

แบบ English

การไว้หนวดแบบเรียว โดยเริ่มจากกลางริมฝีปากบน แล้วยาวเป็นปลายแหลมออกไปทั้ง 2 ด้าน โดยขนที่อยู่รอบๆ มุมปากมักจะโกนออกไป

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

แบบ Fu Manchu

การไว้หนวด โดยเริ่มจากริมฝีปากบน แล้วไว้ยาวลงมาจนถึงขากรรไกร

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

แบบ Handlebar

การไว้หนวดแบบนี้ อาจไว้แบบใหญ่หรือเล็กก็ได้ โดยไว้เป็นพุ่มและไว้ยาวจนสามารถดัดปลายให้งอนขึ้นได้ โดยใช้แว๊กซ์ช่วย

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

แบบ Horseshoe

การไว้หนวดแนวตั้ง โดยโค้งตรงริมฝีปาก เลยลงมาข้างปากจนถึงแนวขากรรไกร ซึ่งดูแล้วมีลักษณะเหมือนเกือกม้า

การไว้หนวดแบบ Horseshoe

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

แบบ Imperial

การไว้หนวดแบบหนามาก ตั้งแต่ริมฝีปากบน และแก้ม โดยปลายจะชี้ขึ้น

การไว้หนวดแบบ Imperial

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

แบบ Lampshade

การไว้หนวดที่คล้ายกับแบบ painter’s brush และมีปลายเหลี่ยม ซึ่งมีลักษณะเหมือนโคมไฟ

การไว้หนวดแบบ Lampshade

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

แบบ Painter’s brush

การไว้หนวดแบบหนา โดยไว้ยาวเท่ากับริมฝีปากบน และมีปลายมน

การไว้หนวดแบบ Painter's brush

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

แบบ Pencil

การไว้หนวดแบบบางๆ ตามลักษณะริมฝีปากบน สามารถตัดแต่งได้ตามรูป ซึ่งมีลักษณะคล้ายคิ้วที่อยู่บนริมฝึปาก (Mouthbrow)

การไว้หนวดแบบ Pencil

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

แบบ Pyramidal

การไว้หนวดแบบปิระมิด โดยมียอดแคบ แต่ฐานล่างกว้าง

การไว้หนวดแบบ Pyramidal

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

แบบ Toothbrush

การไว้หนวดแบบหนา ประมาณ 1นิ้ว ไว้ตรงกลาง เหมือนฮิตเล่อร์

การไว้หนวดแบบ Toothbrush

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

แบบ Walrus

การไว้หนวดแบบหนา ใหญ่เป็นพุ่มคลุมริมฝีปากบน

การไว้หนวดแบบ Walrus

Posted on

เคล็ดลับการไว้หนวดเครา

หนวดนั้นสำคัญไฉน?

การไว้หนวดช่วยให้หน้าตาดูดีขึ้นได้ หนวดหลายสไตล์ก็เปรียบเหมือนกับทรงผมหลากหลายทรง ซึ่งจะไว้ทรงไหนก็ขึ้นอยู่กับลักษณะและความหนาบางของเส้นขนนั่นเอง การไว้หนวดสามารถทำให้ผู้ชายดูหล่อ,แมน,สมาร์ท,เข้มแข็ง ในขณะเดียวกันก็สามารถเป็นที่ดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้ามได้ นอกจากนี้การไว้หนวดในวัยรุ่นก็สามารถช่วยให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และยังสามารถช่วยปกปิดจุดด้อยของใบหน้าหรือริมฝีปากที่เล็กหรือใหญ่เกินไปได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น คนที่มีจมูกแหลม และปากเล็ก ก็สามารถสร้างความสมดุลของใบหน้าได้ด้วยการไว้หนวด (moustache) หรือเคราแพะ (goatee) ได้

เริ่มต้นไว้หนวดเครา

เมื่อหนวดเคราขึ้นครั้งแรก การโกนเครารอบๆ จะช่วยให้คุณดูดีขึ้น ซึ่งช่วงนี้คุณก็สามารถทดลองไว้เครารูปแบบต่างๆ ได้เช่น เอาเคราด้านข้างออกแล้วเหลือหนวด, เคราแพะ และจอนเอาไว้ เป็นต้น

การดูแลรักษาหนวดเครา
ให้ใช้แชมพูและครีมนวดเหมือนที่ใช้กับเส้นผม เพราะจะช่วยให้เส้นขนนุ่ม และให้หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ทำความสะอาด เพราะจะทำให้เคราแห้งและแข็งกระด้าง จากนั้นก็ใช้แว๊กซ์หรือน้ำมันใส่ผมช่วยจัดรูปทรงให้ดูเป็นประกายและดูดีขึ้นด้วย

การโกนหนวดเครา

เนื่องจากเคราคือขนที่เติบโตเร็วที่สุดบนร่างกาย จึงต้องหมั่นโกนอยู่เสมอ ถ้าเป็นไปได้ทุกๆ สามวันหรืออย่างน้อยที่สุดอาทิตย์ละครั้งควรแต่งให้เคราดูดีที่สุด

การทำสีหนวดเครา
บางครั้งการทำสีเคราก็ช่วยปกปิดจุดที่เป็นสีเทาหรือสีอ่อน เพื่อให้สีมีความกลมกลืนได้ การทำสีอาจใช้ดินสอเขียนคิ้วร่วมกับการใช้แปรงแต่งหน้า ข้อดีคือสามารถล้างออกได้ด้วยแชมพูและสามารถใช้ได้เมื่อต้องการปิดสีเทาหรือเน้นความเข้มที่ขอบเพื่อให้ดูชัดขึ้น

* จากการสำรวจพบว่า 51% ของผู้หญิงชอบผู้ชายที่ไว้หนวดเครา หรือเคราแพะ แต่ต้องดูดี, สะอาดและนุ่มเมื่อสัมผัส ดังนั้นการดูแลรักษาและหมั่นดูแลให้ดูดีอยู่เสมอจึงมีความสำคัญและไม่ควรละเลย

Posted on

เคล็ดลับการบำรุงรักษาเส้นผม ไม่ให้หลุดร่วงง่าย

เคล็ดลับการบำรุงรักษาเส้นผม เคล็ดลับการบำรุงรักษาเส้นผม

เส้นผมที่แข็งแรงช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีได้ เราจึงควรให้ความสำคัญกับความแข็งแรงและไม่หลุดร่วงง่ายของเส้นผม ซึ่งเป็นผลโดยตรงมาจากปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอกคือการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล

ปัจจัยภายในของแต่ละบุคคล ได้แก่
1. สภาวะจิตใจ อันได้แก่ อารมณ์ ความเครียดหรือความกดดันที่สะสมเป็นเวลานานๆ ซึ่งจะทำให้ระบบประสาททำงานมากขึ้น และอารมณ์เหล่านี้จะไปกระตุ้น สารบางตัวให้มากขึ้นในขณะเดียวกันก็จะไปยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนในร่างกาย บางตัว ทำให้ขาดความสมดุล และมีผลโดยตรงต่อความแข็งแรงของเส้นผม ดังนั้นจึงควรทำจิตใจให้แจ่มใส ฝึกจิตให้มั่นคง รู้จักควบคุมตัวเอง ปล่อยวาง ไม่วิตกกังวลมากจนเกินไป
2. การเจ็บป่วยจากโรคบางชนิด เช่น โรคโลหิตจาง, ไทรอยด์ ,ไตวาย ต่อมหมวกไตอักเสบ, การผ่าตัด, การฉายรังสี, การขาดสารอาหารอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้เซลล์บางส่วนของร่างกายเสื่อมได้รวมทั้งเซลล์เส้นผมด้วย
3. พันธุกรรม ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษที่มีศีรษะล้าน ผมบาง หรือเส้นเล็ก

ปัจจัยภายนอก (การใช้ชีวิตประจำวัน) ได้แก่

อาหารบำรุงเส้นผมออกกำลังช่วยผมแข็งแรง

1. อาหาร ควรรับประทานให้ถูกโภชนาการ ลดอาหารประเภทไขมันสูงและรสเผ็ดจัด,หวานจัด เน้นพืชผักสีเขียว เนื้อปลา, เนื้อสัตว์, ผัก, ผลไม้ และผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งมีสารอาหารต่างๆ ที่จะช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง คือ
อาหารบำรุงเส้นผม ไบโอติน ช่วยให้รากผมแข็งแรงเป็นเงางาม พบมากในถั่ว, ไข่แดง, ข้าวซ้อมมือ, ถั่วเหลืองและข้าวสาลี
อาหารบำรุงเส้นผม ธาตุเหล็ก ช่วยสร้างฮีโมบินซึ่งเป็นตัวนำออกซิเจน เพื่อทำให้โครงสร้างของเส้นผมแข็งแรง พบมากในข้าวโอ๊ต, เนื้อสัตว์, ถั่วต่าง ๆ และผักใบเขียว
อาหารบำรุงเส้นผม กรดแพนโทเทน ช่วยให้เส้นผมเจริญงอกงาม มีความชุ่มชื้นและช่วยรักษาเส้นผมให้นุ่มสลวยเป็นธรรมชาติ พบมากในผักเกือบทุกชนิด, เนื้อสัตว์, เครื่องในสัตว์, ปลา, ไข่แดง, ผักสีเขียวและธัญพืช
อาหารบำรุงเส้นผม สังกะสี ช่วยในการเผาผลาญและทำให้เส้นผมเจริญงอกงามดี พบมากในหอยนางรม, เนื้อแดง, ธัญพืชไม่ขัดขาวและถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ
2. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการพักผ่อนให้เพียงพอ
3. การใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อเส้นผม เช่น น้ำยาดัดผม, ยืดผม, การทำสีผม หรือการใช้น้ำมันแต่งผม, เจล, มูส แล้วล้างคราบออกไม่หมด ซึ่งจะทำให้หนังศีรษะมัน และดึงดูดสิ่งสกปรกเข้ามา ทำให้รูขุมขนอุดตัน มีผลต่อการงอกใหม่ของเส้นผม และการหลุดร่วงของเส้นผม
4.นิสัยการดึงทึ้งผม รวมถึงการสระผมและนวดหนังศีรษะแรงๆ ก็ทำให้เส้นผมหลุดร่วงได้เช่นกัน

ปัจจุบันมียาที่เป็นส่วนผสมในการรักษาผมร่วงได้ แต่อาจมีผลข้างเคียงที่พึงระวัง คือ
ยารักษาผมร่วง
1. Minoxidil คือกลุ่มยาทาที่ใช้รักษาโรคความดันสูง โดยการขยายหลอดเลือดให้กว้างขึ้น ด้วยโครงสร้างทางเคมีของตัวยา มีผลข้างเคียงทำให้มีขนขึ้นบนศีรษะและตามตัว สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม เมื่อผสม Minoxidil เป็นยาหรือโลชั่นแล้ว ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง จะเก็บได้นานประมาณ 3 ปี Minoxidil มีฤทธิ์ในการเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตตรงกระเปาะผม จึงเพิ่มสารอาหารแก่เซลล์ผม ทำให้เซลล์ผมเกิดการแบ่งตัวเจริญเติบโตขึ้นผมจึงมีการเปลี่ยนแปลงจากผมหรือขนเล็กๆ ให้เป็นเส้นผมที่โตขึ้น Minoxidil สามารถใช้ทารักษาเพื่อให้ผมงอกได้ ทั้งจากปัญหากรรมพันธุ์ และปัญหาผมร่วงเป็นหย่อม นอกจากนี้ยังใช้ป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผมในคนที่กำลังจะศีรษะล้านได้ด้วย โดยจะเห็นผล ประมาณ 3 เดือนหลังจากทายา

ผลข้างเคียงที่ควรระวังของ Minoxidil คือจะทำให้ความดันโลหิตลดลง เกิดอาหารหน้ามืด วิงเวียนได้ง่าย และอาจมีผลต่อการทำงานของหัวใจในระยะยาวด้วย และเมื่อหยุดการใช้ยา Minoxidil จะทำให้เส้นผม หนวด และขนร่วงยิ่งกว่าเดิม

2. Finasteride คือยาที่ใช้รับประทาน เพื่อรักษาภาวะต่อมลูกหมากโต ในผู้สูงอายุ โดยฤทธิ์ของยาจะต้านการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ต่อมลูกหมากฝ่อ ทำให้เส้นผมดกดำหนาแต่ถ้าต้องการคงสภาพของเส้นผมไว้ จึงจำเป็นต้องทาโลชั่นที่มี Minoxidil ควบคู่กันไปตลอด
ผลข้างเคียงที่ควรระวังของการรับประทาน Finasteride คือสมรรถภาพทางเพศจะลดลง และไม่แนะนำให้ใช้ในผู้หญิงที่มีแนวโน้มจะตั้งครรภ์ เพราะยานี้จะทำให้เกิดความผิดปกติ หรือพัฒนาการของอวัยวะเพศของทารกได้

ที่มา: www.bestbuythailand.com

Posted on

การดูแลผม สำหรับผู้ที่มีผมน้อย, ผมร่วง

การดูแลผม สำหรับผู้ที่มีผมน้อย, ผมร่วง

เส้นผมมีหน้าที่ปกป้องหนังศีรษะจากสารพิษจากภายนอกหรือจากความร้อนจากแสงแดด และช่วยให้ใบหน้าดูดีขึ้นหรือบุคลิกดีขึ้น แต่บางคนอาจไม่สนใจเรื่องบุคลิกหรือความสวยงามเพราะถือว่าเป็นเรื่องภายนอกไม่ยึดติดกับรูปลักษณ์ เมื่อผมร่วงผิดปกติก็ปล่อยให้ร่วงไป แต่พอผมบางจนเห็นหนังศีรษะจึงเริ่มเห็นคุณค่าของเส้นผม เนื่องจากได้รับผลกระทบด้านสุขภาพ เช่น เมื่อเดินตากแดดกับคนที่มีผม เราจะรู้สึกร้อนก่อนเพื่อน และเมื่ออยู่กลางแดดจัดนานขึ้นก็จะมีอาการปวดศีรษะและบางคนอาจถึงกับเป็นไข้ และเมื่ออยู่ในห้องที่มีอากาศเย็นก็จะเป็นหวัด คัดจมูกหรือแพ้อากาศง่ายกว่าคนที่มีผมตามปกติ

ผมร่วง เป็นเรื่องธรรมชาติ ผมคนเราจะมีการผลัดเปลี่ยนเส้นผมที่แก่ครบอายุขัย (3-6 ปี) ซึ่งปกติจะเกิดขึ้นประมาณ 50 เส้นต่อวัน แล้วจะมีเส้นผมใหม่งอกขึ้นมาแทนที่ เป็นวงจรเช่นนี้เรื่อยไป แต่บางคนที่มีผมหลุดร่วงมากผิดปกติแถมยังผมใหม่ขึ้นช้า ทำให้นับวันศีรษะจะบางลงไปเรื่อยๆ ก็ควรดูว่าเกิดจากสาเหตุอะไร

ปัจจัยภายนอก
– การใช้สารทำความสะอาด (แชมพู) ที่มีสารลดแรงตึงผิวอย่างแรงหรือค่าความเป็นด่างสูง เช่น แชมพูที่มีสารโซเดียม ลอริล ซัลเฟต (SLS) ซึ่งจะทำลายเยื่อบุผิวของเซล (Cell Membrane) ทำให้เยื่อบุผิวของเซลเสียหน้าที่หรือเสื่อมในการควบคุมการเข้าออกของสารเคมี จึงทำให้เกิดการทำลายของเซลได้ง่ายขึ้น เซล (ที่หนังศีรษะรวมทั้งเซลผม) จึงตายเร็วจึงทำให้เกิดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ง่ายและทำให้เซลบนหนังศีรษะทำหน้าที่บกพร่อง เกิดการติดเชื้อหรือแพ้ได้ง่าย (จึงเกิดเป็นรังแคหรือผื่นแพ้ง่ายกว่าปกติ) หรือขับไขมันออกมามากเพื่อปกป้องเซลมากขึ้น สังเกตได้ว่ายิ่งเราสระผมด้วยแชมพูที่แรงขึ้น หนังศีรษะก็ยิ่งมีมันออกมามากขึ้น วิธีแก้ปัญหานี้ก็เพียงหลีกเลี่ยงการใช้แชมพูี่มีสารลดแรงตึงผิวสูง โดยใช้แชมพูอ่อนที่ติดฉลากว่าไม่ใส่สารโซเดียม ลอริล ซัลเฟต (SLS Free หรือ No SLS)
– การใช้แชมพูที่ทิ้งสารตกค้าง เช่น สารจำพวกซิลิโคน เช่น ไซเมทธิโคน (Simethicone), ไดเอทธิโคน (Diethicone) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้ผมลื่นขณะสระและหวีง่าย ผมไม่พันกัน แต่มีข้อเสียคือ ทำให้รูขุมขนอุดตันและผมร่วงเมื่อใช้ไปนานๆ วิธีแก้ปัญหานี้ก็คือหลีกเลี่ยงการใช้ชมพูที่มีสารพวกนี้และเลือกใช้แชมพูที่เขียนฉลากว่าไม่ใส่สารซิลิโคน (Silicone Free, Simethicone Free, Diethicone Free)
– การได้รับพิษของสารเคมีจากสิ่งแวดล้อม เช่น พิษของโลหะหนัก, สารบางอย่างที่ทำลายเซลผมอย่างแรง เช่น ยาย้อมผม, ยาดัดผม เป็นต้น

ปัจจัยทางกายภาพ
– การถูแรงๆ, กระชาก, รัดผมให้ตึงนานๆ, การหวีผมผิดแนวของเส้นผม, การหวีขณะเปียก ซึ่งทำให้ผมหลุดร่วงได้
– ไฟฟ้าสถิตที่เกิดจากการหวีด้วยหวีพลาสติก
– ความร้อนบนหนังศีรษะจากการเป่าผมหรือสระผมด้วยน้ำร้อนทำให้รูขุมขนขยาย และหลุดร่วงได้

ปัจจัยภายใน
– กรรมพันธุ์ ปัจจุบันมีการพิสูจน์แล้วว่ากรรมพันธุ์ซึ่งก็คือโปรตีนกับกรดนิวคลีอิก (DNA) นั้น สามารถถูกปรับแต่งเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการใช้สารอาหาร
– ความเครียด ต้องช่วยตัวเองไม่ให้เครียด ด้วยการผ่อนคลาย, การออกกำลังกาย, ฝึกสมาธิหรือทำงานอดิเรกที่คุณชอบ ความเครียดเป็นสิ่งร้ายกาจที่ก่อให้เกิดอาการไม่ปกติต่างๆ ในร่างกายตามมา เช่นฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง, ธาตุไฟเพิ่มเกินสมดุล ซึ่งล้วนแต่มีผลทำให้ผมร่วง
– ธาตุในร่างกายไม่สมดุล เช่น ธาตุไฟสูง, ธาตุลมแปรปรวนและธาตุดินบกพร่อง เป็นต้น

Ref: Good Health Magazine

Posted on

เคล็ดลับเพื่อผมสวย

ผมที่สวยสมบูรณ์และแข็งแรงมาจากสุขภาพร่างกาย มิใช่แค่การดูแลภายนอก ดังนั้นจึงควรกินอาหารที่มีสารอาหารเพียงพอ เพื่อให้ได้รับธาตุอาหารที่ครบถ้วน หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่งเส้นผมจะมีปัญหาดังนี้

– ธาตุเหล็ก จะทำให้ผมเปราะ แตกหักง่าย
– ซัลเฟอร์ ช่วยรักษาสีผมไว้
– ทองแดง และสังกะสีจะทำให้ผมเสีย
– วิตามินบีรวม จะทำให้ผมแตกหัก มีรังแค เกิดผมหงอก ผมร่วง ศีรษะล้าน

  • ถ้าผมไม่สกปรกจริง ๆ ไม่ควรสระผมบ่อย ๆ เพราะการสระผมบ่อย ๆ จะไปกระตุ้นต่อมน้ำมัน ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผมมัน
  • ในการสระผม ใช้แชมพูครั้งเดียวก็เพียงพอ การใช้แชมพู 2-3 ครั้งจะไปขจัดน้ำมันตามธรรมชาติจากเส้นผม ทำให้ผมจัดทรงยาก
  • หลีกเลี่ยงการใช้แชมพูที่ผลิตจากส่วนผสมของสารเคมี ควรใช้แชมพูที่ผลิตจากสารธรรมชาติหรือสมุนไพร
  • ใช้หวีหรือแปรงผมปลายมนกลม ไม่แหลมคมและควรเป็นหวีซี่ห่าง หวีซี่ถี่จะดึงเส้นผมให้หลุดร่วงมากเกินไป
  • การหวีหรือแปรงผมให้ก้มหัวไปข้างหน้าเล็กน้อย จะช่วยให้เลือดไหลเวียนไปยังหนังศีรษะ แปรงเบาๆ โดยแปรง 20-40 ที ในการแปรงแต่ละครั้งก็เพียงพอ โดยเริ่มแปรงจากหนังศีรษะเรื่อยไปยังปลายเส้นผม เพื่อกระจายน้ำมันไปทั่วเส้นผม
  • หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกับเส้นผม เช่นการย้อมผมกัดสีผม ไม่ควรเป่าผมด้วยความร้อนสูง
  • น้ำเค็มหรือน้ำที่มีคลอรีน จะทำให้ผมเสีย ดังนั้นหลังการว่ายน้ำควรสระผมทันที ควรใช้ครีมนวดผมทั้งก่อนและหลังการสระผม
  • นวดหนังศีรษะสม่ำเสมอจะทำให้เลือดไหลเวียนไปยังรากผมได้ดี โดยใช้นิ้วมือทั้ง 5 หรือ 10 นิ้ว กดลงบนหนังศีรษะ นวดจนหนังศีรษะขยับ แต่อย่าถูเพราะเส้นผมจะถูกดึงมากเกินไปและหลุดร่วงได้

Ref: คู่มือชีวิตไร้สารพิษ